รักษาอาการบาดเจ็บ กับ กายภาพบำบัด

ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพไหนก็ตาม สิ่งที่ทุกคนแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ คืออาการบาดเจ็บของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกในร่างกาย ซึ่งสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย หมู่คนทั่วไป คนวัยทำงาน ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย นักกีฬา หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ ทำให้เกิดอาการผิดปกติซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาทางกายภาพบำบัดเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด การอักเสบ โดยใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดซึ่งมีแนวทางการรักษาหลายวิธีดังนี้

การรักษาด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy)

การทำอัลตราซาวด์เป็นการรักษาด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ที่ให้ผลความร้อนในลักษณะความร้อนลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและกระดูก เพื่อลดอาการปวด บวม ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ คลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อชั้นลึก ระยะเวลาการให้การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของบริเวณที่มีอาการ

การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Therapy)

เป็นการรักษาเพื่อช่วยลดอาการปวด การอักเสบจากโรคทางกลุ่มกล้ามเนื้อกระดูกและเส้นประสาท เช่น ออฟฟิตซินโดรม กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ ข้อเสื่อมต่างๆ อาการมือเท้าชาจากปลายประสาทอักเสบ อาการบวมช้ำจากการบาดเจ็บหรือหลังผ่าตัด แผลกดทับ โดยเมื่อลำแสงถูกยิงเข้าไปในชั้นเนื้อเยื่อจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบ ช่วยเร่งการซ่อมแซมได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มการรักษาจนหายสั้นกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น

การรักษาด้วยเครื่องดึงคอ-หลัง(Cervical and Pelvic Traction)

เป็นอุปกรณ์ดึงคอและหลังแบบอัตโนมัติ เพื่อใช้บำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับหมอนรองกระดูกสันหลัง ข้อต่อหลัง กล้ามเนื้อหลัง และกระดูกหลัง ที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีความเสื่อมหรือมีความผิดปกติของกระดูกสันหลังในระดับคอและหลัง โดยหลักการทำงาน คือใช้การดึงเพื่อเพิ่มช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลัง ลดการกดทับเส้นประสาท หรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง ระยะเวลาในการดึงหลังหรือคอประมาณ 15 -30 นาที โดยนักกายภาพบำบัดเป็นผู้กำหนดท่าดึงและน้ำหนักที่ใช้ในการดึง

เมื่อเราเกิดการบาดเจ็บของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อแล้วควรรีบเข้ารับการรักษาจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุได้ตรงจุด ดังนั้นการรักษาด้วยกายภาพบำบัดจึงเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าศาสตร์การรักษาประเภทอื่น นอกจากจะฟื้นฟู บำบัด อาการเจ็บป่วยแล้ว การรักษาด้วยกายภาพบำบัดอย่างถูกต้อง และเหมาะสมยังช่วยลดโอกาสเข้ารับการผ่าตัดในบางโรคได้อีก